นักวิชาการมองโครงการยุวชนสร้างชาติแก้ปัญหาแค่ปลายเหตุ

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการและผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสาธารณะ สำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โครงการยุวชนสร้างชาติถือเป็นนโยบายที่ดี เพราะว่าจะช่วยบัณฑิตตกงานให้มีงานทำไประยะหนึ่ง และได้รับค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง จะเป็นการบรรเทาปัญหาบัณฑิตตกงานจากภาวะเศรษฐกิจได้ ทั้งยังจะช่วยในเรื่องการเชื่อมโยงของคนรุ่นใหม่ในแง่ระบบการศึกษาและการพัฒนาชนบทด้วยการให้พวกเขาลงพื้นที่ไปทำงานผ่านกิจกรรมต่าง ๆ

ทั้งนี้มองว่าโครงการบัณฑิตอาสานั้นมีประโยชน์ เพราะคาดว่าบัณฑิตจบใหม่จะตกงานเป็นจำนวนมาก ถ้าให้พวกเขาได้มีงานทำเป็นเวลา 1 ปี และทำงานพัฒนากับชาวบ้านก็อาจจะเป็นช่องทางให้กับกลุ่มคนเหล่านั้นได้มีงานทำต่อไปหลังจากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ
“อย่างน้อย 1 ปีพวกเขาจะมีเงินเดือนและไม่ตกงาน” นายอนุสรณ์กล่าวถึงบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือในระบบประกันสังคมเหมือนกับผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคม ที่ได้รับการประกันการว่างงาน อนุสรณ์ กล่าว

“อย่างไรก็ตาม ผมมองว่านโยบายนี้ยังเป็นการตอบโจทย์เฉพาะหน้า ปัญหาหลัก ๆ ของไทยคือ เราต้องการปฏิรูประบบการศึกษาครั้งใหญ่ จะต้องทำให้ระบบการศึกษาเชื่อมโยงกับภาคการผลิต ตลาดแรงงาน ความต้องการของตลาดแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการผลิตคนขึ้นมาแล้วทำงานไม่ได้”

เมื่อถามว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นการลงทุนเพื่อการจ้างงานหรือไม่ นักเศรษฐศาสตร์รายนี้บอกว่า บางส่วนก็คือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุน เช่น โครงการกองทุนยุววิสาหกิจเริ่มต้นที่เปิดโอกาสให้บัณฑิตเข้าถึงเงินทุนเพื่อให้ทำธุรกิจ start-up

นายอนุสรณ์วิเคราะห์สถานการณ์จ้างงานในอนาคตว่า น่าจะรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ เพราะว่าปัญหาการว่างงานที่เกิดขึ้นในเมืองไม่ใช่เรื่องภาวะเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีผลกระทบต่อภาคการผลิต รวมทั้งยังได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ก็เลยทำให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมส่วนหนึ่งต้องปิดกิจการลงไป
อย่างไรก็ตาม หากว่าสงครามการค้าระหว่างประเทศคลี่คลายลงและการเมืองในประเทศไม่มีการเปลี่ยนแปลง ภาวะเศรษฐกิจก็อาจจะกระเตื้องขึ้นในช่วงกลางปี 2563 และสถานการณ์บัณฑิตตกงานหรือคนว่างงานก็น่าจะคลี่คลายลง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *