“พีทีจี” กางแผนปี63 เล็งขึ้นแท่นผู้นำอันดับ 2 ธุรกิจพลังงานของคนไทย

นายพิทักษ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2563 โครงการปาล์มคอมเพล็กซ์จะเดินเครื่องเต็ม 100% และจะมีกำลังการผลิตไบโอดีเซล (B100) 500,000 ลิตรต่อวัน และน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค (โอเลอีน) 200,000 ลิตรต่อวัน ทั้งนี้จากนโยบายภาครัฐในการเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ในน้ำมันดีเซล 10 % หรือ B10 จากเดิม B7 ทำให้ความต้องการน้ำมันไบโอดีเซลขยายตัวส่งผลบวกต่อธุรกิจโดยปัจจุบันโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์เตรียมพร้อมเดินเครื่องเพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทเตรียมพร้อมจัดจำหน่าย B10 ในสถานีบริการน้ำมันภายในวันที่ 1 มีนาคม 2563 ตามนโยบายของภาครัฐ โดยข้อดีของ B10 คือช่วยลดมลพิษและปริมาณฝุ่น PM2.5 สร้างสมดุลอุตสาหกรรมปาล์มของประเทศ พร้อมทั้งสร้างสมดุลปริมาณการใช้ในภาคพลังงานและเพื่อการบริโภค ตลอดจนสร้างเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ขณะที่การขยายตัวของ B20 เราเป็นไปอย่างรวดเร็วแต่รอบคอบ โดยมุ่งเน้นจุดจำหน่ายที่มีศักยภาพทำให้ปีที่ผ่านมาเรามีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 32.1%
นอกจากนี้ในธุรกิจก๊าซ LPG กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายในปี 2563 ที่เตรียมจะขยายธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน เนื่องจากเห็นโอกาสในการทำตลาด จากปัจจุบันที่มีการจำหน่าย LPG ผ่านสถานีบริการในภาคขนส่งเท่านั้น โดยพีทีจีคาดว่ายอดขายในส่วนของ LPG จะเติบโตได้ 30-40% จากปีที่แล้ว และยังตั้งเป้าที่จะขึ้นแท่นเป็นผู้ให้บริการสถานีก๊าซ Auto LPG อันดับ 1 ในประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย
“ในปี 2562 ที่ผ่านมานับเป็นอีกปีที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเราได้วางรากฐานให้พีทีจีก้าวขึ้นไปเป็นมากกว่าธุรกิจพลังงาน ซึ่งบนความมุ่งมั่นทุ่มเทที่เราทำมาโดยตลอดส่งผลให้เราก้าวขึ้นเป็นผู้นำสถานีบริการน้ำมันที่มียอดขายอันดับ 2 ของประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ และเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าในปี 2563 ที่เรากำลังก้าวสู่ปีที่ 33 นี้ จะเป็นปีที่น่าจับตามองกับความสดใหม่มากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นรับกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ” นายพิทักษ์ กล่าว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *