สภาทองคำโลกออก โทเคนสำหรับการซื้อขายทองคำ’

สภาทองคำโลก เล็งเปลี่ยนระบบทองคำแบบดั้งเดิมให้ไปเก็บข้อมูลไว้บนบล็อกเชน ก่อนนำไปสู่การออก โทเคนสำหรับการซื้อขายทองคำ เพื่อให้เขาถึงมือรายย่อย

เดวิด เท็ต ประธานสภาทองคำโลก กล่าวว่า ทางสภาทองคำโลกกำลังเร่งผลักดันให้เกิดการยกระดับระบบทองคำแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมานานนับสิบปี ไปสู่การนำบล็อกเชนมาใช้ติดตามทองคำทุกก้อนบนโลกใบนี้

เดวิดกล่าวว่า หากสามารถนำระบบบล็อกเชนเข้าไปมาใช้งานกับทองคำได้จริง เขามองไปถึงการต่อยอดไปสู่การออกโทเคนดิจิทัลที่ค้ำประกันด้วยทองคำจริง เพื่อให้สามารถซื้อ-ขายกันได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ทองคำในฐานะสินทรัพย์ประเภทโภคภัณฑ์นั้น ได้รับความกดดันทั้งจากกฎระเบียบใหม่ที่ถูกตั้งขึ้นมา และการแข่งขันจากสินทรัพย์คู่แข่งที่พึ่งเกิดใหม่มาไม่นานนี้อย่างคริปโต ซึ่งเป็นการลงทุนทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปนอกเหนือจาก หุ้น, พันธบัตร และเงินสด

โดยในคริปโตก็มีเหรียญดังอย่าง Bitcoin ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ ก็สามารถเรียกความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมากไปได้ จนทำให้สินทรัพย์ดังกล่าวเติบโตอย่างมหาศาลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แทนที่จะไหลมายังสินทรัพย์ประเภททองคำอย่างที่เคยเป็น

เดวิดมองว่า การนำทองคำเข้าสู่ระบบดิจิทัลจะทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงทองคำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากแต่เดิมนักลงทุนรายย่อยนั้นสามารถเข้าถึงทองคำกายภาพได้ค่อนข้างยาก ทั้งยังมีมาตรฐานการขายที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค อย่างลอนดอนนั้นก็ใช้ทองคำ 400 ออนซ์ในการเทรด ในขณะที่ COMEX Futures ในสหรัฐฯ นั้นใช้ทองคำ 100 ออนซ์ในการเทรด

นอกจากนี้ หากนักลงทุนรายย่อยที่ซื้อไปถึงปริมาณขั้นต่ำ ก็อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงกว่า ทำให้เดวิดเชื่อมั่นว่า การออกโทเคนที่ค้ำประกันด้วยทองคำจะสามารถเข้าถึงรายย่อยได้เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไอเดียของการนำสินทรัพย์ที่ค้ำประกันกับทองคำมาออกเป็นหน่วยให้สามารถซื้อขายได้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เนื่องจากทางสภาทองคำได้เคยช่วยเปิดตัว SPDR Gold Shares ETF ตั้งแต่ในปี 2004 แล้ว เพียงแต่นักลงทุนรายย่อยจะไม่สามารถนำหน่วยที่ถือมาแลกกับทองคำจริงได้ อีกทั้งยังมีคริปโตบางโปรเจกต์ที่ได้ออกเหรียญ Stablecoin ที่ค้ำประกันโดยทองคำเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนัก

ทั้งนี้ ทางสภาทองคำโลกระบุว่าจะอาศัยความช่วยเหลือจากตลาดทั้งหมด เพื่อผลักดันให้โปรเจกต์ดังกล่าวสามารถสำเร็จได้ โดยจะอาศัยตั้งแต่ธนาคารในวอลล์สตรีทไปจนถึงฝ่ายกำกับดูแลของจีนและอินเดีย นอกจากนี้ระบบบล็อกเชนดังกล่าวยังสามารถเข้าไปตรวจสอบผู้ซื้อและผู้ขายไปในตัวได้อีกเช่นกัน ซึ่งจะช่วยป้องกันการฟอกเงิน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *