แบงก์ชาติ ลดดอกเบี้ย สู่จุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์

แบงก์ชาติมีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.5% เหลือ 1.25%โดยแบงก์ชาติให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการส่งออกที่หดตัวลงทำให้กระทบกับการจ้างงาน
รวมถึงเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเกณฑ์การลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ทำให้เงินเฟ้อกลับไปสู่กรอบเป้าหมายการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้จะทำให้ดอกเบี้ยนโยบายลดลงไปสู่ 1.25% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์
โดยก่อนหน้านี้เคยลงไปสู่ระดับนี้มาแล้วตอนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจซับไพรม์ในช่วงปี 2008เท่ากับว่าตอนนี้แบงก์ชาติส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่ระดับขีดสุดเท่าที่เคยปรากฏมาในประวัติศาสตร์แล้ว..

ทั้งนี้มุมมองแบงก์ชาติเรื่องเศรษฐกิจคือ
-เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากสภาวะกีดกันทางการค้าของโลก
-ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวชะลอลง
-การจ้างงานลดลงเร็วโดยเฉพาะภาคการผลิตเพื่อส่งออก
-หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง
-โครงการลงทุนของภาครัฐ เอกชน ขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้

มุมมองแบงก์ชาติเรื่องเงินเฟ้อต่ำ
-อัตราเงินเฟ้อต่ำเนื่องจากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาด
-การขยายตัวของธุรกิจ e-commerce ทำให้มีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าไม่ปรับเพิ่ม
-เทคโนโลยีพัฒนาขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ราคาสินค้าไม่เพิ่ม

มุมมองแบงก์ชาติเรื่องค่าเงินแข็ง
-เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่ง จะทำให้เกิดความเสี่ยง
-แบงก์ชาติจะสนับสนุนให้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์เพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออก ซึ่งจะช่วยให้เงินบาทอ่อนลง

หลังจากแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยแล้วจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง?

อย่างแรกเลยก็คือต้นทุนทางการเงินทั้งระบบจะต่ำลงทันที..ผู้ที่กู้ซื้อบ้าน และบริษัทที่ขอสินเชื่อ ก็จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลงส่วนคนที่มีสินเชื่ออยู่แล้ว ถ้ามีข้อเสนอสินเชื่อใหม่ที่เหมาะสมก็ควร รีไฟแนนซ์

สำหรับค่าเงินบาทแน่นอนว่าระยะสั้นค่าเงินบาทอ่อนลงทันทีที่ประกาศล่าสุดค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเหลือ 30.33 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ จาก 30.23 บาทเมื่อวานนี้การที่ค่าเงินบาทอ่อนลง ก็อาจทำให้การส่งออกของประเทศไทยอาจจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแต่อย่างไรก็ตามถ้าดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังเกินดุลอยู่แบบนี้ค่าเงินบาทก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาแข็งได้อีก

ส่วนเรื่องเงินเฟ้อหลายคนชอบบ่นว่าราคาข้าวของแพงขึ้นทุกปีแต่ตัวเลขเงินเฟ้อวัดจาก ทั้งราคาพลังงาน ที่อยู่อาศัย อาหาร สินค้าทั่วไปตัวเลขพวกนี้ เขาเก็บข้อมูลกันมาจริงๆเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำประมาณ 1% ต่อปีมานานแล้วที่ต่ำก็เพราะราคาน้ำมันไม่เพิ่ม รวมถึงโครงสร้างค้าปลีกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการมี e-commerce แข่งกันขายขาดทุน ทำให้เราซื้อสินค้าได้ในราคาถูก

หมดยุคการอ้างว่าเงินเฟ้อขึ้นทุกปี เราต้องลงทุนเพื่อชนะเงินเฟ้อ เพราะตอนนี้แค่ฝากประจำในธนาคารอาจจะได้ดอกเบี้ยมากกว่าเงินเฟ้อแล้วอย่างไรก็ตามดอกเบี้ยเงินฝากก็อาจต่ำลงได้อีก ถ้าดอกเบี้ยนโยบายต่ำลงก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าเมื่อธนาคารต่างๆปรับดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงแล้วธนาคารจะปรับดอกเบี้ยเงินฝากลงเพื่อคงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษากำไรไว้หรือไม่

ปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เฉลี่ยอยู่ที่ 0.5%ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะเห็นการฝากเงินในธนาคาร ได้ดอกเบี้ยใกล้เคียงศูนย์ ก็เป็นได้.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *