6 ประเทศที่คอกาแฟต้องไปลองสักครั้งในชีวิต
กาแฟคือหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมของโลก เราจึงขอเอาใจคอกาแฟที่ชอบท่องเที่ยว ด้วยการคัดสรร 6 ประเทศทั่วโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องกาแฟและวัฒนธรรมการดื่มกาแฟอันมีเอกเอกลักษณ์ มาเป็นไอเดียเพิ่มพลังให้กับทุกท่าน
อิตาลี
เมื่อพูดถึงกาแฟก็ต้องเริ่มที่อิตาลี ซึ่งเป็นประเทศมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการดื่มกาแฟสมัยใหม่มาก เริ่มจากกาแฟลิงโก้ (lingo) เช่น คาปูชิโน่ ลาเต้ และมัคคิอาโต ไปจนถึงกาแฟลุงโก้ (lungo) หรือกาแฟสไตล์อิตาลีที่ทำจากเครื่องชงเอสเปรสโซ่และมีน้ำเป็นส่วนผสมมากกว่ากาแฟลิงโก้ คนอิตาลีมีวิธีการดื่มกาแฟที่น่าสนใจ โดยพวกเขาจะดื่มกาแฟที่บ้าน และถือว่านมมีไว้สำหรับมื้อเช้าและนักท่องเที่ยวเท่านั้น ดังนั้นถ้าสั่งลาเต้ตบท้ายมื้อกลางวัน คนขายอาจจะมองคุณแปลกๆ สักหน่อย เพราะปกติแล้วหลังจากเวลาเที่ยงวัน หากอยากดื่มกาแฟ คนอิตาลีจะดื่มแต่เอสเพรสโซเท่านั้น
การซื้อกาแฟแบบกลับบ้าน (take away) อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับประเทศอื่นๆ แต่วัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวอิตาเลียนจะต่างออกไปเล็กน้อย โดยมักไปดื่มกาแฟกันที่บาร์ และอุณหภูมิของกาแฟก็จะต่ำกว่าของกาแฟในประเทศอื่นเล็กน้อย เหมาะสำหรับยกดื่มทันที แล้วก็จ่ายเงินเดินออกไปทำธุระของตัวเองต่อเลย
ฟินแลนด์
มาเที่ยวฟินแลนด์ทั้งที คอกาแฟไม่ควรพลาด kaffeost หรือกาแฟชีส หนึ่งในเมนูสุดคูลที่คนนอร์ดิก (Nordic) สร้างสรรค์ขึ้นมาจากความคิดที่ว่า จะเป็นยังไงถ้าจุ่มก้อนชีสลงไปในกาแฟ
ด้วยความที่อาหารฟินแลนด์และอาหารสวีเดนทางเหนือเป็นอาหารที่มีรสชาติเข้มข้น รวมถึงให้เนื้อสัมผัสแบบครีม คนในท้องถิ่นจึงพยายามผสมผสานเอกลักษณ์นี้กับกาแฟ เพื่อให้กาแฟมีรสชาติถูกปากมากขึ้น เหตุนี้เองคนฟินแลนด์จึงเป็นผู้บริโภคกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก เฉลี่ยแล้วแต่ละคนจะดื่มกาแฟ 12 กิโลกรัมต่อปี สำหรับใครที่วางแผนไปผจญภัยฟินแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นในช่วงหน้าหนาวที่ระยะเวลากลางวันสั้นกว่ากลางคืน หรือในช่วงหน้าร้อนที่ระยะเวลากลางวันยาวกว่ากลางคืน
ตุรกี
ตุรกีเป็นชาติที่จริงจังเรื่องการดื่มกาแฟถึงขนาดมีคำพูดที่ว่า “เมื่อคุณดื่มกาแฟตุรกีหนึ่งแก้ว คุณจะจำรสชาติของมันไปได้นานสี่สิบปี” กาแฟตุรกี (Türk kahvesi) มี 4 ระดับ ขึ้นอยู่กับปริมาณของกาแฟที่ใส่ลงไปในหม้อต้มกาแฟขนาดเล็กและตัวกาแฟขณะต้ม Sade หรือ ?ekersiz คือแค่กาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาล Az ?ekerli คือกาแฟที่ใส่น้ำตาลครึ่งช้อน Orta คือกาแฟที่ใส่น้ำตาลหนึ่งช้อน สุดท้าย ?ekerli คือกาแฟหวานที่ใส่น้ำตาลสองช้อนกาแฟตุรกีจะผ่านการชงให้ได้อุณหภูมิที่พอเหมาะ คนให้เข้ากัน จากนั้นจึงเสิร์ฟพร้อมฟองครีมด้านบน และชั้นกาแฟดำบดด้านล่าง หาดื่มได้ทั่วไปทั้งในโรงแรมระดับไฮเอนด์และตามถนนในอิสตันบูล เมืองที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน
เวียดนาม
เวียดนามถือเป็นผู้ส่งออกกาแฟอันดับ 2 ของโลก และเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟซึ่งสัมผัสได้แทบทุกมุมถนน โดยกาแฟเวียดนามจะชงผ่าน ‘ฟิน’ (phin) หรือเครื่องดริปของคนเวียดนาม ซึ่งคนเวียดนามจะรอให้กาแฟค่อย ๆ หยดจากเครื่องลงมาในแก้วที่มีน้ำแข็งและนมข้นอยู่ทีละหยดจนทุกอย่างผสมเข้ากัน กลายเป็นกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ หากใครอยากดื่ม cà phê s?a ?á หรือกาแฟเย็นที่หาได้ทั่วไป ต้องลองลิ้มรสสูตรพื้นบ้านของคนเวียดนาม ซึ่งจะผสมไข่ลงไปในกาแฟด้วย
นอกจากเขตเมืองเก่า (Old Quarter) ของเมืองฮานอยจะเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟ Giant Coffee แล้ว บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมหลากหลายรูปแบบอีกด้วย แต่ถ้าคอกาแฟคนไหนอยากพักใกล้ๆ หนึ่งในร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลก แนะนำโรงแรม Grand Cititel Hanoi
ออสเตรเลีย
กาแฟมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมอย่างเมลเบิร์น ที่ซึ่งกาแฟไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่ม แต่คือไลฟ์สไตล์ ลองเปลี่ยนจากร้านกาแฟชื่อดัง มาเดินเท้าสำรวจตรอกซอกซอยของเมลเบิร์น ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและคาแรกเตอร์ รวมถึงร้านกาแฟสุดฮิปมากมาย ให้ไปเรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิวัติกาแฟในท้องถิ่น พร้อมดื่มด่ำกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่ชงโดยบาริสต้ามากประสบการณ์
บราซิล
เนื่องจากบราซิลเป็นผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สำหรับคนบราซิลแล้วทุกเวลาคือเวลากาแฟ คนบราซิลชื่นชอบการดื่ม cafézinho (ภาษาโปรตุเกสของคำว่า ‘little coffee’) หรือกาแฟดำแท้รสชาติหวานเข้มข้น ซึ่งมีเสิร์ฟที่บาร์และร้านค้าเล็ก ๆ ในแทบทุกมุมของประเทศ และเป็นเมนูที่คนบราซิลนิยมกว่าไอซ์คาราเมลแฟรบปูชิโน่
ลองไปบราซิลในช่วงงาน Carnivale เดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 เพราะเป็นช่วงที่เหมาะกับการเติมคาเฟอีนเข้าร่าง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปาร์ตี้ตลอดทั้งวันทั้งคืนในเมืองริโอ สำหรับที่พัก ขอแนะนำโรงแรม Gerthrudes Bed & Breakfast