ผ่อนบ้านไม่ไหวทำอย่างไรดี
หมั่นท่องจำไว้ว่า “เมื่อไปขอกู้เงิน ผู้กู้อาจจะสงสัยใคร่รู้ว่า ที่ตนขอกู้ในวงเงินเท่านั้นเท่านี้ จะได้รัอนุมัติเต็มจำนวนที่ขอไปหรือไม่ ธนาคารใช้หลักเกณฑ์ในการอนุมัติกู้อย่างไร”
แรกเริ่มเดิมที เมื่อตัดสินใจมีบ้าน ผู้กู้มักพิจารณาแล้วว่ามีความสามารถในการผ่อนต่อเดือน แต่หลังจากที่ผ่อนบ้านไปสักระยะหลายคนอาจประสบกับปัญหาต่างๆ ทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่ลดน้อยลง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยจ่ายที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ภาระหนี้ในการผ่อนบ้านต่อเดือนสูงขึ้นตามไปด้วย
สำหรับผู้ที่ผ่อนบ้านไม่ไหว มีวิธีการดังนี้
- หากคุณเป็นผู้ที่มีอายุไม่มากนัก สามารถติดต่อกับสถาบัน เพื่อขยายระยะเวลาในการผ่อนออกไป เช่น ระยะเวลาในการผ่อน 25 ปี เป็น 30 ปี เพื่อให้มีระยะเวลาในการผ่อนที่นานขึ้น ทำให้การผ่อนต่อเดือนลดน้อยลง
- การขอ Refinance คุณอาจพิจารณาสถาบันการเงินอื่น ว่าอัตราดอกเบี้ยจ่ายเป็นอย่างไร ถูกกว่าที่คุณจ่ายอยู่หรือไม่ หากถูกกว่า ต้องพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมประเมินหลักประกัน หรือค่าธรรมเนียมจดจำนอง หากพิจารณาแล้วค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องเสียใหม่ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ได้รับถูกกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิมที่เป็นอยู่ ก็ควรพิจารณาการ Refinance
- หากคุณมีภาระหนี้คงเหลือไม่มากนัก และมีสวัสดิการการเงินอื่นๆ ที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า เช่น มีสวัสดิการเงินกู้ยืมของบริษัท ที่เสียดอกเบี้ยจ่ายในอัตราที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยจ่ายบ้านที่คุณจ่ายอยู่ อาจเลือกกู้เงินจากสวัสดิการมาปิดภาระหนี้บ้านและไปผ่อนสวัสดิการแทน จะช่วยให้ลดภาระดอกเบี้ยได้
- แบ่งพื้นที่บ้านบางส่วน เช่น หน้าบ้าน หรือห้องในบ้าน เพื่อปล่อยเช่า จะช่วยให้มีรายได้มากขึ้น เพื่อแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระหนี้ได้
วิธีแก้วิกฤติผ่อนบ้านไม่ไหว
ความผันผวนของเศรษฐกิจบ้านเรา ที่ดีๆ ร้ายๆ สลับเปลี่ยนหมุนเวียนไปอยู่ตลอดเวลา นับเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้คนจำนวนมาก จำต้องเผชิญปัญหากระแสร้ายได้มีไม่พอที่จะผ่านชำระค่างวดบ้านไปตามๆ กัน
ซึ่งปัญหาลักษณะนี้หากปล่อยปละละเลย หรือแก้ไขอย่างไม่ถูกต้องแล้ว ก็จะมีผลทำให้ลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่โตรุนแรงขึ้นได้
อาจเลวร้ายจนถึงขั้นต้องถูกฟ้องร้องและสูญเสียบ้านอยู่อาศัยไปในที่สุด และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาอื่นๆ ในครอบครัวตามมาอีกนานัปการ
“ที่จริงแล้ว การผ่อนบ้านไม่ไหวเป็นปัญหาระยะสั้นชั่วครั้งชั่วคราว ที่ไม่ใช่ปัญหาเลวร้ายแต่ประการใด เป็นเพียงปัญหาปกติที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ เพียงทว่าผู้โชคร้าย ที่ตกอยู่ในสภาวการณ์ดังกล่าว จะต้องรีบรักษาและเยียวยา ให้ได้อย่างทันท่วงทีเท่านั้น ก็จะสามารถผ่อนหนักเป็นเบาและหลุดรอดจากห้วงเวลาที่เกิดวิกฤติการณ์ได้”