น.ส. สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอรายงานผลการศึกษาเบื้องต้นการเตรียมพื้นที่รองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย( New S-Curve ) และการลงทุนปิโตรเคมีขั้นสูงของบริษัทเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น รวมพื้นที่ประมาณ 10,500 ไร่ซึ่งจัดทำโดยสถาบันปิโตรเลียม
ทั้งนี้ ประกอบไปด้วย 4 พื้นที่ แบ่งเป็นบนบก 2 พื้นที่และพื้นที่ถมทะเล 2 พื้นที่ซึ่งรายงานผลการศึกษาดังกล่าวกนอ.อยู่ระหว่างตรวจแก้ไขเพื่อนำเสนอต่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมวอุตสาหกรรมเห็นชอบเร็วๆ นี้ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติต่อไป
แหล่งข่าวจากกนอ.กล่าวว่า สถาบันปิโตรเลียมฯได้ศึกษาพื้นที่เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีโดยเฉพาะการรองรับการลงทุนของกลุ่มเอ็กซอนฯที่จะขยายพื้นที่โครงการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันและโรงผลิตแครกเกอร์สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีบริเวณใกล้ท่าเรือแหลมฉบังมูลค่า3.3 แสนล้านบาทโดยมีพื้นที่ประมาณ 10,500 ไร่ จำนวน 4 พื้นที่ ได้แก่1. พื้นที่บนบกใกล้กับนิคมฯแหลมฉบังพื้นที่ประมาณ 5,000ไร่
2.พื้นที่บนบกใกล้เคียงนิคมฯแหลมฉบัง มีที่ดิน 1,200 ไร่ 3. พื้นที่ถมทะเล 2,500 ไร่ และ4. พื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ในบริเวณพื้นที่บ่อเก็บกักตะกอน 1,875 ไร่ โดยพื้นที่บนบกนั้นจะใกล้กับโรงกลั่นของกลุ่มเอ็กซอนฯ ในปัจจุบัน แต่อาจจะติดปัญหาในการรวบรวมพื้นที่ เพราะมีประชาชนอยู่ในพื้นที่หลายราย ทำให้ต้องใช้เวลาในการเจรจาซื้อพื้นที่
ส่วนพื้นที่ถมทะเลเดิมคาดว่าจะมีประมาณ 3,000 ไร่ได้ลดลงเหลือ 2,500 ไร่ หากขยายเกินกว่านี้จะติดระบบท่อใต้ดินของโรงงานที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและอาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเลต่างๆ ส่วนพื้นที่ที่ 4 จะมีปัญหาในเรื่องต้องรอให้บ่อเก็บกักตะกอนของเท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เต็ม อาจต้องใช้เวลาซึ่งทั้งหมดก็อยู่ที่ทางภาครัฐจะนำไปเสนอกับกลุ่มเอ็กซอนฯว่าจะเลือกแนวทางใดเป็นสำคัญ