ร้านเกี๊ยวสไตล์หว่องตั้งอยู่ที่ทางเข้าท่าเรือสี่พระยา ข้างศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ อยู่ไม่ไกลจาก Warehouse 30 และย่านครีเอทีฟอย่างเจริญกรุง จากไอเดียวาดฝันของอดีตสาวพนักงานโรงแรม รอยัล ออร์คิด เชอราตัน ที่ตั้งอยู่ติดร้านและเล็งทำเลนี้ไว้สักพักใหญ่ เพราะตั้งใจจะเปิดร้านไอศกรีมเล็กๆ ของตัวเอง
แม้ตรงนี้จะเป็นพื้นที่ปราบเซียน เพราะทำเลก็ไม่ค่อยจะดีนัก แถมยังลับตาคน เพราะมีป้อมศูนย์บริการท่องเที่ยวบังหน้าร้าน แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้ความมุ่งมั่นตั้งใจของเธอลดลงแม้แต่น้อย จนกระทั่งเธอเล่าไอเดียร้านให้เจ้าของโรงแรมใจอ่อนและยอมให้เช่าพื้นที่มุมกำแพงโรงแรมเพื่อเป็นที่ตั้ง COCOIC (โคโค่ ไอ ซี) ร้านไอศกรีมแนว Plant-based ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยหัวคิดธุรกิจ หากใช้พื้นที่ทั้งหมดทำร้านไอศกรีมอย่างเดียวก็ดูจะเสี่ยงเกินไป อีกหนึ่งโปรเจกต์ร้านใหม่จึงงอกขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยกระจายความเสี่ยง เธอเริ่มต้นจากโจทย์ตรงกันข้ามกับร้านไอศกรีม ในเมื่อมีร้านของหวานและของกินเย็นๆ แล้ว ก็ทำร้านของคาวกินร้อน ๆ กันไปเลย โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นอาหารที่ทุกคนกินแล้วแฮปปี้ กินง่าย ราคาไม่แพง มีความเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับสถานที่และบรรยากาศของย่านเจริญกรุงแห่งนี้ จนลงเอยที่ของกินชิ้นเล็กที่เรียกว่าเกี๊ยวซ่า ส่วนด้านในคือโรงงานขนาดจิ๋วผลิตเกี๊ยวปั้นมือโดยลุงๆ ป้าๆ คนหนึ่งปั้น คนหนึ่งนึ่ง อีกคนคิดเงิน ถัดมาอีกนิดมีเก้าอี้นั่งพร้อมโต๊ะยาวหันหน้าเข้าผนังที่ปูด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ เป็นมุมมหาชนที่ใครมากินเกี๊ยวซ่าก็อยากมานั่งยืนโพสถ่ายรูปกัน
พูดถึงเรื่องเกี๊ยวซ่าที่นี่ เกี๊ยวซ่าเฟิงจูไม่ใช่เกี๊ยวทอด ด้วยความที่พื้นที่จำกัด หากมีการทอดย่อมก่อให้เกิดคราบสกปรกตลอดเวลา แถมยังกินได้ลำบาก เพราะต้องรอให้หายร้อนจึงได้กิน ไม่อย่างนั้นก็ลวกปาก เกี๊ยวซ่าไม่ได้มีกฎตายตัวว่าต้องทอด แล้วทำไมจะนึ่งไม่ได้ล่ะ นอกจากจะกินง่ายกว่าแล้วก็ยังดีต่อสุขภาพกว่าของทอดอีกด้วย มาถึงร้านแล้วไปรับกระดาษที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วจดออร์เดอร์เกี๊ยวซ่าและท็อปปิ้งที่อยากกินในราคาชิ้นละ 12 บาท ส่วนท็อปปิ้งเพิ่มอีก 3-5 บาทเท่านั้น
เกี๊ยวซ่าเฟิงจูมีด้วยกัน 5 รสชาติ เริ่มจากรส ดั้งเดิม หมูกับสารพัดผักรวมอย่างผักกาด กะหล่ำปลี คะน้า กุ้ยช่าย และต้นหอมญี่ปุ่น ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊ว และน้ำตาล นำไปนึ่งเป็นเวลา 6 นาทีถ้วนจนได้เกี๊ยวซ่าหน้าเปิดร้อนกำลังดี ลองเพิ่มท็อปปิ้งต้นหอมญี่ปุ่นแล้วคีบเข้าปากแบบไม่ต้องจิ้มซอสในคำแรกเพื่อสัมผัสรสชาติตั้งต้น แล้วชิ้นต่อไปค่อยลองจิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะที่ใช้โชยุผสมน้ำส้มสายชูและน้ำมันงาในสัดส่วนลับ
กินเกี๊ยวซ่าชิ้นแรกหมด ต่อด้วย สามก๊ก เบสด้วยไส้หมูกับผัก เพิ่มเติมคือสามเกลอ หรือส่วนผสมตั้งต้นสำหรับสารพัดเมนูอาหาร ซึ่งก็คือรากผักชี กระเทียม และพริกไทย ได้รสเข้มข้นขึ้นกว่าแบบดั้งเดิม ถ้านึกไม่ออกว่าท็อปด้วยอะไรดี เราแนะนำให้เพิ่มไข่กุ้ง นี่แหละเพอร์เฟกต์คอมบิเนชัน
เห็ด 5 อย่าง ไส้นี้แอบคล้ายซาลาเปาหมูสับเห็ดหอม แต่ไส้เกี๊ยวซ่าของที่นี่ใช้เห็ด 5 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูดำ และเห็ดหูหนูขาว ได้รสอูมามิธรรมชาติเข้าไปเต็มๆ ยิ่งเพิ่มไข่แดงเค็มเป็นท็อปปิ้งก็ยิ่งเข้ากันสุดๆตามกระแสซ่าๆ ด้วยเกี๊ยวซ่า หมาล่า รสเผ็ดร้อนจากสารพัดเครื่องเทศจีน ส่วนท็อปปิ้งที่นิยมสั่งคู่กันก็คือชีส เพราะช่วยตัดรสเผ็ด แถมยังเพิ่มความนัวยิ่งกว่าเดิม และไส้สุดท้ายคือ แกงฮังเลแห้ง รสชาติไทยๆ หอมกลิ่นเครื่องแกงฮังเล สำหรับใครที่อยากลองของแปลกใหม่ไอเดียเจ๋ง แนะนำให้กินแบบไม่ต้องสั่งท็อปปิ้งเพิ่ม
ดับร้อนด้วยสองเครื่องดื่มจีนอย่าง ตงกวาฉา (50 บาท) น้ำฟักเขียวแช่เย็นเจี๊ยบ รสชาติหวานๆ เย็นๆ เข้ากับสภาพอากาศบ้านเราที่สุด หรือจะเป็น หวังเหล่าจี๋ (50 บาท) ชาสมุนไพรหอมกลิ่นน้ำผึ้ง กินแล้วชุ่มคอชื่นใจ